ในโลกของอุตสาหกรรมสิ่งทอ สีย้อม Reactive Dye กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ช่วยให้ได้สีที่คงทน ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงข้อดีของสีย้อม Reactive Dye ว่าทำไมมันถึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ

สีย้อม Reactive Dye คืออะไร?

Reactive Dye เป็นสีย้อมชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างพันธะเคมี (covalent bond) กับเส้นใยผ้า โดยเฉพาะผ้าฝ้ายและผ้าเรยอน ทำให้สีติดแน่นและมีความคงทนสูง สีที่ได้จะสดใสพร้อมหลากหลายเฉดให้เลือกมากมาย

ข้อดีของสีย้อม Reactive Dye

1. สีคงทน: สีย้อม Reactive Dye มีความคงทนสูง สีไม่หลุดลอกหรือซีดจางแม้ซักหลายครั้ง ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูใหม่อยู่เสมอ
2. วิธีการย้อมง่าย: การย้อมด้วย Reactive Dye ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนในการผลิต
3. สีสดใสและหลากหลาย: มีเฉดสีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่สีพื้นฐานไปจนถึงสีเข้ม ช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์
4. ประหยัดทรัพยากร: การใช้ Reactive Dye ช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการล้างหลังการย้อม ซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม
5. เหมาะกับเส้นใยหลายชนิด: Reactive Dye ใช้ได้ดีกับเส้นใยเซลลูโลส เรยอน รวมถึงเส้นใยใหม่ ๆ อย่าง Lyocell และ Viscose ทำให้คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมควรเลือกใช้สีย้อม Reactive Dye ในธุรกิจของคุณ?

ถ้าคุณกำลังมองหาสีสำหรับธุรกิจสิ่งทอของคุณ การเลือกใช้ Reactive Dye จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยความคงทน ให้สีสดใสและกระบวนการย้อมที่ง่าย 

เฉดสีที่มีจำหน่าย (Color Chart)

แนะนำให้ใช้คู่กับน้ำยาฟิกสี

ข้อดีของการใช้น้ำยาฟิกสี

เพิ่มความทนทานของสี: การใช้ฟิกสีจะช่วยให้สีที่ย้อมติดแน่นขึ้นและทนต่อการซักล้างได้ดีกว่า

เพิ่มความสดใสของสี: น้ำยาฟิกสีช่วยให้สีคงความสดใสและไม่ซีดจางง่าย

ข้อควรระวัง

การใช้น้ำยาฟิกสีมากเกินไป: อาจทำให้เนื้อผ้ากระด้างหรือเปลี่ยนคุณสมบัติของผ้าได้ 

การเลือกน้ำยาฟิกสี: ควรเลือกน้ำยาที่เหมาะสมกับชนิดของผ้าและสีที่ใช้ การใช้สีย้อมควรใช้ร่วมกับน้ำยาฟิกสีเพื่อเพิ่มความทนทานและความสดใสของสี โดยเฉพาะหากผ้าจะต้องผ่านการซักล้างบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ควรใช้น้ำยาฟิกสีในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกใช้น้ำยาที่เหมาะกับชนิดของผ้าและสีที่ใช้เพื่อป้องกันการเสียหายของเนื้อผ้า

อ่านบทความอื่นๆ